ช่วงหลังคลอดเป็นช่วงที่มีความสุขมาก แต่ก็มักจะมาพร้อมกับความไม่สบายตัวด้วย คุณแม่มือใหม่หลายคนมักมีอาการปวดเกร็งและปวดเมื่อยหลังคลอดเนื่องจากร่างกายเริ่มฟื้นตัว อาการปวดหลังคลอด ความไม่สบายบริเวณฝีเย็บ และอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั่วไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาตามปกติ แต่มีวิธีต่างๆ มากมายในการบรรเทาอาการเหล่านี้และช่วยให้ฟื้นตัวได้สบายขึ้น
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการปวดหลังคลอด
อาการปวดหลังคลอดเป็นอาการมดลูกบีบตัวที่เกิดขึ้นหลังคลอด อาการดังกล่าวจะช่วยให้มดลูกกลับสู่ขนาดก่อนตั้งครรภ์ อาการดังกล่าวมักรุนแรงขึ้นในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากการให้นมบุตรจะกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้มดลูกบีบตัว
สาเหตุของอาการปวดหลัง
- ✔️ การหดตัวของมดลูก:สาเหตุหลักคือการหดตัวของมดลูกเพื่อกลับสู่ขนาดปกติ
- ✔️ การให้นมบุตร:การหลั่งออกซิโทซินระหว่างให้นมบุตรจะทำให้การหดตัวของมดลูกรุนแรงขึ้น
- ✔️ การตั้งครรภ์แฝด:อาการปวดหลังมักจะรุนแรงมากขึ้นในแต่ละครั้งที่ตั้งครรภ์
- ✔️ ทารกตัวใหญ่:ทารกตัวใหญ่สามารถยืดมดลูกได้มากขึ้น ส่งผลให้มดลูกบีบตัวแรงขึ้นเมื่อมดลูกหดตัว
กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดหลัง
มีกลยุทธ์หลายประการที่สามารถช่วยบรรเทาความไม่สบายจากอาการปวดหลังได้ วิธีการเหล่านี้มีตั้งแต่การรักษาที่บ้านแบบง่ายๆ ไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการปวด
การเยียวยาที่บ้าน
- ✔️ ยาแก้ปวดที่ซื้อเองได้:ไอบูโพรเฟนหรืออะเซตามิโนเฟนสามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรปรึกษาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณก่อนใช้ยาทุกครั้ง
- ✔️ แผ่นทำความร้อน:การประคบแผ่นทำความร้อนบริเวณท้องน้อยจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อมดลูกและบรรเทาอาการปวดเกร็งได้
- ✔️ อาบน้ำหรืออาบน้ำอุ่น:ความอบอุ่นสามารถคลายกล้ามเนื้อและบรรเทาอาการได้ชั่วคราว
- ✔️ การหายใจเข้าลึกๆ: การเน้นการหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดและส่งเสริมการผ่อนคลาย
- ✔️ ควรปัสสาวะบ่อย ๆ: หากปัสสาวะเต็มกระเพาะปัสสาวะ อาจทำให้การบีบตัวของมดลูกรุนแรงขึ้น
- ✔️ นอนคว่ำ:ท่านี้จะช่วยกดทับมดลูกของคุณเบาๆ และอาจช่วยลดความรู้สึกไม่สบายได้
- ✔️ สมุนไพร:ผู้หญิงบางคนพบการบรรเทาอาการด้วยชาสมุนไพร เช่น ชาคาโมมายล์หรือชาใบราสเบอร์รี่ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
การจัดการกับอาการเจ็บบริเวณฝีเย็บ
อาการปวดบริเวณฝีเย็บ ซึ่งเป็นอาการปวดบริเวณระหว่างช่องคลอดและทวารหนัก มักเกิดขึ้นหลังคลอดลูก การผ่าตัดฝีเย็บหรือการฉีกขาดระหว่างการคลอดบุตรอาจทำให้เกิดความไม่สบายนี้ได้
กลยุทธ์การบรรเทาอาการเจ็บบริเวณฝีเย็บ
- ✔️ การประคบน้ำแข็ง:การประคบน้ำแข็งบริเวณฝีเย็บเป็นเวลา 10-20 นาทีหลายๆ ครั้งต่อวันสามารถลดอาการบวมและเจ็บปวดได้
- ✔️ การแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ:การแช่ตัวในอ่างอาบน้ำตื้นๆ อุ่นๆ เป็นเวลา 10-15 นาที วันละหลายๆ ครั้ง สามารถช่วยรักษาและบรรเทาอาการปวดได้
- ✔️ สเปรย์สำหรับบริเวณฝีเย็บ:การใช้สเปรย์สำหรับบริเวณฝีเย็บที่มีส่วนผสมของวิชฮาเซลหรือส่วนผสมที่ช่วยบรรเทาอาการอื่นๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการหลังปัสสาวะหรือขับถ่ายได้
- ✔️ หมอนโดนัท:การนั่งบนหมอนรูปโดนัทสามารถลดแรงกดบริเวณฝีเย็บได้
- ✔️ รักษาบริเวณที่โดนแดดให้สะอาดและแห้ง:ซับบริเวณที่โดนแดดให้แห้งเบาๆ หลังการล้างเพื่อป้องกันการติดเชื้อและส่งเสริมการรักษา
- ✔️ ยาถ่ายอ่อน:การป้องกันอาการท้องผูกสามารถลดความเครียดบริเวณฝีเย็บในระหว่างการขับถ่ายได้
การจัดการกับอาการปวดกล้ามเนื้อและความเจ็บปวดทั่วไป
การออกแรงทางกายระหว่างคลอดบุตรอาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและปวดเมื่อยทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลัง ไหล่ และขา
เคล็ดลับในการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
- ✔️ การยืดกล้ามเนื้อเบาๆ:การยืดกล้ามเนื้อเบาๆ จะช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก
- ✔️ การนวด:การนวดเบาๆ สามารถช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้นและบรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ
- ✔️ การพักผ่อน:การพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
- ✔️ การวางท่าทางที่ถูกต้อง:รักษาการวางท่าทางที่ดีขณะนั่ง ยืน และให้นมบุตร เพื่อลดความเครียดที่กล้ามเนื้อของคุณ
- ✔️ การดื่มน้ำให้เพียงพอ:การดื่มน้ำให้มากจะช่วยขับสารพิษและสนับสนุนการทำงานของกล้ามเนื้อ
- ✔️ การอาบน้ำหรือแช่น้ำอุ่น:น้ำอุ่นสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้
บทบาทของโภชนาการในการฟื้นฟูหลังคลอด
โภชนาการที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูหลังคลอด รวมถึงการจัดการกับตะคริวและความเจ็บปวด การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและสมดุลจะช่วยในการรักษาและลดการอักเสบได้
คำแนะนำด้านโภชนาการ
- ✔️ โปรตีน:จำเป็นต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ รวมถึงเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน สัตว์ปีก ปลา ถั่ว และถั่วเลนทิล
- ✔️ ธาตุเหล็ก:ช่วยเติมเต็มธาตุเหล็กที่สูญเสียไประหว่างการคลอดบุตร รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักโขม เนื้อแดง และซีเรียลที่เสริมธาตุเหล็ก
- ✔️ แคลเซียม:มีความสำคัญต่อสุขภาพกระดูกและการทำงานของกล้ามเนื้อ ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว และนมจากพืชที่เสริมสารอาหารเป็นแหล่งที่ดี
- ✔️ วิตามินซี:ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งมีความสำคัญต่อการสมานแผล ผลไม้รสเปรี้ยว เบอร์รี่ และพริกหยวกเป็นแหล่งอาหารชั้นดี
- ✔️ กรดไขมันโอเมก้า 3:มีคุณสมบัติต้านการอักเสบซึ่งช่วยลดอาการปวดและเจ็บได้ ปลาที่มีไขมัน เมล็ดแฟลกซ์ และวอลนัทเป็นแหล่งที่ดี
- ✔️ ไฟเบอร์:ส่งเสริมการขับถ่ายเป็นประจำและป้องกันอาการท้องผูก ธัญพืชทั้งเมล็ด ผลไม้ และผักอุดมไปด้วยไฟเบอร์
- ✔️ การดื่มน้ำให้เพียงพอ:ดื่มน้ำให้มากเพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นและช่วยในการรักษาโดยรวม
เมื่อใดจึงควรไปพบแพทย์
แม้ว่าอาการปวดเกร็งและเจ็บหลังคลอดจะถือเป็นเรื่องปกติ แต่การทราบว่าเมื่อใดจึงควรไปพบแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ติดต่อผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณหากคุณพบอาการดังต่อไปนี้:
- ✔️อาการปวดรุนแรงที่ไม่อาจบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่ซื้อได้ตามร้านขายยา
- ✔️อาการไข้หรือหนาวสั่น.
- ✔️ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
- ✔️เลือดออกมาก หรือ ลิ่มเลือดขนาดใหญ่
- ✔️อาการติดเชื้อ เช่น มีรอยแดง บวม หรือมีหนอง ที่บริเวณฝีเย็บ
- ✔️ปัสสาวะหรือถ่ายลำบาก
- ✔️ปวดศีรษะรุนแรง หรือ มีการเปลี่ยนแปลงของการมองเห็น
- ✔️อาการเจ็บหน้าอก หรือ หายใจไม่สะดวก.
ความสำคัญของการพักผ่อนและการดูแลตนเอง
การพักผ่อนและการดูแลตนเองเป็นองค์ประกอบสำคัญในการฟื้นฟูหลังคลอด การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีทางร่างกายและอารมณ์สามารถส่งผลอย่างมากต่อความสามารถในการจัดการกับตะคริวและความเจ็บปวดหลังคลอด
เคล็ดลับการจัดลำดับความสำคัญของการพักผ่อนและการดูแลตนเอง
- ✔️ นอนในขณะที่ทารกหลับ:ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่ทารกงีบหลับเพื่อพักผ่อน
- ✔️ ยอมรับความช่วยเหลือ:อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคู่ครอง ครอบครัว หรือเพื่อนของคุณ
- ✔️ มอบหมายงาน:ปล่อยให้คนอื่นจัดการงานบ้านและธุระต่างๆ เพื่อที่คุณจะได้มุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูร่างกาย
- ✔️ ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย:การหายใจเข้าลึกๆ การทำสมาธิ หรือโยคะเบาๆ สามารถช่วยลดความเครียดและส่งเสริมการผ่อนคลายได้
- ✔️ มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่คุณชื่นชอบ:จัดเวลาให้กับกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุขและผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
- ✔️ แสวงหาการสนับสนุน:เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนผู้ปกครองใหม่หรือพูดคุยกับนักบำบัดหรือที่ปรึกษาหากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าหรือวิตกกังวล
บทสรุป
อาการปวดเกร็งและปวดเมื่อยหลังคลอดเป็นอาการทั่วไปที่คุณแม่มือใหม่มักประสบ แต่ไม่จำเป็นต้องร้ายแรงถึงขั้นทรุดโทรมลง คุณสามารถจัดการกับความไม่สบายตัวและส่งเสริมการฟื้นตัวหลังคลอดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ รวมถึงการรักษาที่บ้าน โภชนาการที่เหมาะสม การพักผ่อน และการดูแลตนเอง อย่าลืมปรึกษาผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณหากคุณมีข้อกังวลใดๆ หรือพบอาการรุนแรง การให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของคุณในช่วงนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพกายและอารมณ์ของคุณ